MethaneSAT ขึ้นสู่วงโคจรแล้ว หลัง SpaceX เริ่มภารกิจล้ำสมัยเพื่อปกป้องสภาพภูมิอากาศ

Logo

ดาวเทียมดวงแรกที่พัฒนาโดยองค์กรด้านสิ่งแวดล้อมที่ไม่แสวงผลกำไรจะมองเห็นการปล่อยก๊าซมีเทนที่ไม่มีดาวเทียมดวงไหนมองเห็น ซึ่งจะนำไปสู่ความรับผิดชอบที่มากขึ้นและลดการปล่อยก๊าซได้เร็วขึ้น

VANDENBERG SFB, LOMPOC, แคลิฟอร์เนีย–(BUSINESS WIRE)–5 มีนาคม 2024

วันนี้ หลัง 16:00 น. ที่ผ่านมาตามเวลาแปซิฟิก MethaneSAT ได้แยกตัวออกจาก SpaceX Transporter-10 ที่นำดาวเทียมติดตามการปล่อยก๊าซดังกล่าวขึ้นสู่อวกาศสำเร็จ ดาวเทียมล้ำสมัยนี้ได้รับการออกแบบเพื่อช่วยปกป้องสภาพภูมิอากาศของโลกด้วยการเร่งการลดมลพิษจากก๊าซเรือนกระจกที่กำลังสร้างปัญหาอย่างรุนแรง โดยมุ่งเน้นไปที่การดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันและก๊าซซึ่งเป็นต้นกำเนิดหลักของก๊าซมีเทนก่อนเป็นอันดับแรก

MethaneSAT (Photo: Business Wire)

MethaneSAT (รูปภาพ: Business Wire)

คุณสามารถดูชุดข้อมูลสื่อดิจิทัลซึ่งประกอบด้วยรูปถ่าย วิดีโอ และกราฟิกได้ที่นี่

MethaneSAT ซึ่งพัฒนาโดยหน่วยงานในเครือขององค์กรไม่แสวงหากำไรระดับโลกอย่าง Environmental Defense Fund จะมองเห็นและวัดปริมาณการปล่อยก๊าซมีเทนทั้งหมดในบริเวณกว้าง ซึ่งเป็นสิ่งที่ดาวเทียมดวงอื่นๆ ไม่สามารถทำได้ และระบุตัวการสำคัญที่ปล่อยก๊าซในสถานที่ที่ไม่มีดาวเทียมดวงไหนเฝ้ามอง ข้อมูลที่ได้จาก MethaneSAT จะช่วยให้ทั้งบริษัทต่างๆ และหน่วยงานกำกับดูแลสามารถสืบสาวต้นตอของการปล่อยก๊าซ และเปิดให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เช่น ประชาชน หน่วยงานรัฐ และนักลงทุนเข้าถึงข้อมูลแบบเกือบเรียลไทม์ได้ฟรี อีกทั้งยังสามารถเปรียบเทียบผลลัพธ์กับเป้าหมายและหน้าที่ด้านการปล่อยก๊าซได้เป็นที่แรกอีกด้วย

“การลดมลพิษจากก๊าซมีเทนซึ่งได้จากการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับเชื้อเพลิงฟอสซิล เกษตรกรรม และภาคส่วนอื่นๆ เป็นวิธีเดียวที่จะช่วยชะลออัตราการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกได้เร็วที่สุด ร่วมกับความพยายามกำจัดคาร์บอนจากระบบพลังงานของเราอย่างต่อเนื่อง” Fred Krupp ประธาน EDF กล่าว “การจะทำเช่นนั้นได้จำเป็นต้องมีข้อมูลเกี่ยวกับมลพิษนี้ที่ครอบคลุมทั่วโลก MethaneSAT จะแสดงให้เราเห็นโอกาสแบบภาพรวมด้วยการสืบสาวการปล่อยก๊าซไปจนถึงแหล่งที่มา”

Krupp ประกาศเปิดตัว MethaneSAT ใน TED Talk ปี 2018 โดยเป็นส่วนหนึ่งของ TED Audacious Project EDF เป็นผู้นำระดับโลกด้านวิทยาศาสตร์และการแก้ปัญหาเกี่ยวกับก๊าซมีเทนมานานกว่าทศวรรษ โดยเป็นองค์กรแรกที่ชี้ให้เห็นความสำคัญของปัญหานี้ด้วยการดำเนินการศึกษาวิจัยอิสระ 16 ชิ้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการปล่อยก๊าซมีเทนในห่วงโซ่อุปทานน้ำมันและก๊าซของสหรัฐฯ สูงกว่าการประมาณการของ EPA ถึง 60% ซึ่ง MethaneSAT คือผลลัพธ์จากความพยายามเหล่านี้โดยตรง

“MethaneSAT มีความพิเศษอยู่ที่ความสามารถในการวัดระดับก๊าซมีเทนในบริเวณกว้างได้อย่างแม่นยำและมีความละเอียดสูง รวมถึงแหล่งกำเนิดที่มีขนาดเล็กและกระจัดกระจายซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดการปล่อยก๊าซมากที่สุดในหลายภูมิภาค” Steven Hamburg หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ของ EDF และหัวหน้าโปรเจ็กต์ MethaneSAT กล่าว “การได้รู้ว่าก๊าซมีเทนมาจากไหนในปริมาณเท่าใดและมีการเปลี่ยนแปลงอัตราการปล่อยก๊าซมากน้อยเพียงใดนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง”

MethaneSAT ซึ่งโคจรรอบโลก 15 ครั้งต่อวันจะวัดการเปลี่ยนแปลงความเข้มข้นของก๊าซมีเทนได้ละเอียดถึง 3 ในหนึ่งพันล้านส่วน เมื่อการตรวจจับความไวสูงทำงานร่วมกับการมองเห็นที่มีระยะการมองที่กว้างและมีความละเอียดสูงก็จะทำให้ MethaneSAT มองเห็นภาพการปล่อยก๊าซทั้งหมด (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่)

ความสามารถพิเศษเหล่านี้ช่วยเปิดศักราชด้านความโปร่งใสให้กับอุตสาหกรรม ทุกคนสามารถดูข้อมูลการปล่อยก๊าซที่สามารถโต้ตอบได้โดยตรงที่ www.MethaneSAT.org และบน Google Earth Engine ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มข้อมูลภูมิสารสนเทศชั้นนำที่มีผู้เชี่ยวชาญและนักวิเคราะห์กว่า 100,000 รายใช้งาน

MethaneSAT เกิดขึ้นได้ด้วยการสนับสนุนจากผู้ที่บริจาคให้กับ EDF และความร่วมมือระหว่างเรากับรัฐบาลนิวซีแลนด์ โดยมี Bezos Earth Fund, Arnold Ventures, Robertson Foundation และ TED Audacious Project เป็นองค์กรที่มีส่วนร่วมในการสร้าง MethaneSAT รายใหญ่ที่สุด

“การปล่อยก๊าซมีเทนเป็นสิ่งที่ทุกคนมองข้ามและตรวจพบได้ยากมาเป็นเวลานานมากๆ” ดร. Kelly Levin หัวหน้าฝ่ายวิทยาศาสตร์ ข้อมูล และการเปลี่ยนแปลงระบบของ Bezos Earth Fund กล่าว “MethaneSAT ได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงสมการ โดยให้ความสำคัญกับวิทยาศาสตร์และข้อมูลเป็นอันดับแรก มันเห็นสิ่งที่ดาวเทียมดวงอื่นๆ มองไม่เห็นจากอวกาศ คอยช่วยเหลือคนดีและทำให้ผู้ร้ายต้องรับผิดชอบ Bezos Earth Fund รู้สึกภูมิใจที่ได้ร่วมมือในการผจญภัยครั้งนี้”

ในเดือนธันวาคม EDF ได้ร่วมมือกับ Bloomberg Philanthropies, International Energy Agency, RMI และ International Methane Emission Observatory ภายใต้โครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ ในโครงการริเริ่มใหม่โครงการแรกที่กำหนดให้บริษัทและรัฐบาลต้องมีความรับผิดชอบมากขึ้นในการจัดการก๊าซมีเทนของตน

“คุณไม่สามารถจัดการสิ่งที่คุณไม่สามารถวัดได้ คำกล่าวนี้ยิ่งเป็นความจริงเมื่อพูดถึงการลดก๊าซมีเทน ซึ่งเป็นหนึ่งปัจจัยที่มีอิทธิพลที่สุดต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” Michael R. Bloomberg ผู้แทนพิเศษด้านความมุ่งมั่นและการแก้ไขปัญหาสภาพภูมิอากาศของเลขาธิการสหประชาชาติ และผู้ก่อตั้ง Bloomberg LP และ Bloomberg Philanthropies กล่าว “ข้อมูลจากดาวเทียมนี้จะช่วยให้เราวัดการปล่อยก๊าซมีเทนและระบุแหล่งที่มาได้ดีขึ้น ช่วยให้เข้าใจปัญหาได้ง่ายขึ้น ทำให้บริษัทและนักลงทุนได้รับข้อมูลที่จำเป็นต้องใช้ในการดำเนินการแก้ไข และในขณะเดียวกันก็ช่วยให้สาธารณชนกดดันให้ผู้ที่เกี่ยวข้องรับผิดชอบได้”

นอกเหนือจากการระบุแหล่งที่มาและอัตราการปล่อยก๊าซในภูมิภาคนั้นๆ แล้ว MethaneSAT ยังช่วยให้เราสามารถเปรียบเทียบอัตราการลดการปล่อยก๊าซในภูมิภาคที่ผลิตน้ำมันและก๊าซหลักๆ ทั่วโลก ตลอดจนประสิทธิภาพเมื่อผ่านไประยะหนึ่งได้อีกด้วย การวิเคราะห์ที่พัฒนาขึ้นสำหรับภารกิจนี้เป็นพิเศษจะสืบสาวการปล่อยก๊าซดังกล่าวกลับไปจนถึงแหล่งที่มาภายในภูมิภาคเป้าหมายเหล่านั้น

“เราพบว่าข้อมูลที่มีความน่าเชื่อถือสูงส่งผลให้เกิดมาตรการป้องกันด้านระเบียบข้อบังคับที่เข้มแข็ง และมีแนวทางปฏิบัติในการดำเนินงานในอุตสาหกรรมที่ดีขึ้น ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่ดีคือรากฐานที่ช่วยให้เราตัดสินใจได้ดีขึ้น” Mark Brownstein รองประธานอาวุโสฝ่าย Energy Transition ของ EDF กล่าว

ในเดือนมกราคม รัฐบาลไบเดนได้เสนอกฎการเก็บค่าธรรมเนียมการปล่อยก๊าซมีเทนส่วนเกิน ซึ่งจะกำหนดให้ต้องมีการรายงานการปล่อยก๊าซที่ถูกต้อง กฎหมายของสหภาพยุโรปเห็นชอบในเดือนพฤศจิกายนให้จัดทำแผนภูมิแนวทางในการกำหนดให้ผู้นำเข้าก๊าซต้องให้ข้อมูลการปล่อยก๊าซเชิงประจักษ์ ในขณะที่ญี่ปุ่นและเกาหลีซึ่งเป็นชาติที่ซื้อก๊าซ LNG รายใหญ่ที่สุดสองราย ก็ได้ออกแผนการที่จะเริ่มขอข้อมูลการปล่อยก๊าซจากซัพพลายเออร์

เมื่อมีการนำมาตรฐานเกี่ยวกับก๊าซมีเทนมารวมไว้ในนโยบายระดับชาติและข้อตกลงทางการค้า MethaneSAT จะช่วยให้มั่นใจได้ว่ามีการดำเนินการตรงตามเป้าหมาย และให้ข้อมูลที่ชัดเจนว่าการลดการปล่อยก๊าซที่กล่าวอ้างนั้นบกพร่องในจุดใด

ประเทศต่างๆ กว่า 150 ประเทศได้ลงนามในประกาศปฏิญญาสากลว่าด้วยการปล่อยก๊าซมีเทน เพื่อลดการปล่อยก๊าซมีเทนโดยรวมให้ได้อย่างน้อย 30 เปอร์เซ็นต์จากระดับปี 2020 ภายในปี 2030 ในขณะที่การประชุม COP 28 บริษัทต่างๆ กว่า 50 บริษัทได้ออกกฎบัตรการลดคาร์บอนจากน้ำมันและก๊าซ โดยมุ่งมั่นที่จะกำจัดการปล่อยก๊าซมีเทนและการปล่อยก๊าซส่วนเกินซึ่งเกิดจากกระบวนการผลิตปิโตรเลียมอย่างยั่งยืน

นอกเหนือจาก EDF ซึ่งเป็นองค์กรแม่แล้ว พันธมิตรของ MethaneSAT ยังประกอบด้วยคณะวิศวกรรมศาสตร์และวิทยาศาสตร์ประยุกต์จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด หอดูดาวฟิสิกส์ดาราศาสตร์สมิธโซเนียน และองค์การอวกาศนิวซีแลนด์ โดยทีมภารกิจร่วมนี้มีผู้เชี่ยวชาญมากกว่า 70 คนจากทั่วโลกที่มีประสบการณ์ในการบินอวกาศ การสำรวจระยะไกล และการวิเคราะห์ข้อมูล

ดาวเทียมดวงนี้สร้างขึ้นในโคโลราโดโดยหน่วย Space & Mission Systems ของบริษัท BAE Systems, Inc. (เดิมชื่อ Ball Aerospace) และ Blue Canyon Technologies

MethaneSAT, LLC เป็นบริษัทในเครือของ Environmental Defense Fund, Incorporated ซึ่งเป็นองค์กรระหว่างประเทศที่ไม่แสวงผลกำไรชั้นนำ EDF เชื่อมโยงวิทยาศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ กฎหมาย ตลอดจนความร่วมมือภาคเอกชนเชิงนวัตกรรมเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างแนวทางแก้ไขเชิงปฏิรูปต่อปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ร้ายแรงที่สุด ติดตามเราทาง Twitter ได้ที่ @MethaneSAT หรือติดต่อเราที่ www.MethaneSat.org ลิขสิทธิ์ © 2024 MethaneSAT, LLC สงวนลิขสิทธิ์

Environmental Defense Fund (edf.org) ซึ่งเป็นหนึ่งในองค์กรระหว่างประเทศที่ไม่แสวงผลกำไรระดับโลก สร้างสรรค์แนวทางแก้ไขเชิงปฏิรูปต่อปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ร้ายแรงที่สุด โดย EDF เชื่อมโยงวิทยาศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ กฎหมาย และความร่วมมือภาคเอกชนเชิงนวัตกรรมเข้าด้วยกันเพื่อสร้างสรรค์แนวทางเหล่านี้ นักวิทยาศาสตร์ นักเศรษฐศาสตร์ นักกฎหมาย และผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายของ EDF ซึ่งมีสำนักงานและสมาชิกมากกว่า 3 ล้านคนในสหรัฐอเมริกา จีน เม็กซิโก อินโดนีเซีย และสหภาพยุโรป ทำงานใน 28 ประเทศเพื่อให้แนวทางแก้ไขของเราปฏิบัติได้จริง ติดต่อเราทาง Twitter ที่ @EnvDefenseFund

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: http://www.businesswire.com/news/home/53905350/en/

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

Lexie Michel, Sun Public Relations, lexie@sunpr.com หรือ 952-457-1418
Lauren Whittenberg, Environmental Defense Fund, lwhittenberg@edf.org หรือ 512-784-2161

แหล่งข้อมูล: Environmental Defense Fund