แอสตร้าเซนเนก้าประกาศการลงทุน 400 ล้านดอลลาร์ ในการฟื้นฟูสภาพป่าและส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพ เพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสุขภาพที่ดีของประชาชน

Photo taken in Sumedang, Indonesia

Logo

การขยายโครงการ AZ Forest ตอกย้ำปณิธานในการปลูกต้นไม้ 200 ล้านต้น ในหกทวีปภายในปี 2030

การฟื้นฟูป่าในบราซิล อินเดีย เวียดนาม กานา และรวันดา เป็นการต่อยอดโครงการปัจจุบันที่กำลังดำเนินอยู่ในออสเตรเลียและอินโดนีเซีย

แคมบริดจ์ สหราชอาณาจักร–(BUSINESS WIRE)–28 มิถุนายน 2023

แอสตร้าเซนเนก้าประกาศการลงทุนมูลค่า 400 ล้านดอลลาร์ใน AZ Forest โครงการระดับนานาชาติ ซึ่งเป็นการตอกย้ำปณิธานในการปลูกและดูแลรักษาต้นไม้ 200 ล้านต้น ภายในปี 2030 โดยขยายโครงการดังกล่าวไปในประเทศบราซิล อินเดีย เวียดนาม กานา และรวันดา เพื่อเป็นการขานรับและผลักดันนโยบายขององค์กรในการดูแลสภาพอากาศ ฟื้นฟูธรรมชาติ ส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพ และรักษาระบบนิเวศและชุมชนให้มีความยั่งยืน ครอบคลุมพื้นที่กว่า 100,000 เฮกตาร์ทั่วโลก

AstraZeneca announces $400 million investment in reforestation and biodiversity in support of climate action and human health (Photo: Wien Satriady)

แอสตร้าเซนเนก้าประกาศการลงทุน 400 ล้านดอลลาร์ ในการฟื้นฟูสภาพป่าและส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพ เพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสุขภาพที่ดีของประชาชน (ภาพ: Wien Satriady)

การลงทุนในครั้งนี้ต่อยอดจากปณิธานตั้งต้นของ AZ Forest ที่ แอสตร้าเซนเนก้าได้ประกาศในปี 2020 ในการปลูกและบำรุงรักษาต้นไม้มากกว่า 50 ล้านต้น ภายในสิ้นปี 2025 เพื่อแสดงให้เห็นถึงคุณค่าและสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นของประชาชนและโลกที่มีสุขภาพดี1 กระบวนการปลูกต้นไม้ในออสเตรเลีย อินโดนีเซีย กานา สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา และฝรั่งเศส ที่ดำเนินการไปด้วยความก้าวหน้าและรวดเร็ว ประกอบด้วยต้นไม้กว่า 300 สายพันธุ์ ช่วยให้สามารถฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพรวมไปถึงถิ่นที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติของพืชและสัตว์2 นอกจากนี้ โครงการที่ขยายออกไปจะก่อให้เกิดประโยชน์นานัปการต่อชุมชนท้องถิ่น และการดำรงชีวิตกว่า 80,000 ชีวิต

AZ Forest เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ความยั่งยืนที่สำคัญของแอสตร้าเซนเนก้า คือ Ambition Zero Carbon ซึ่งมุ่งเน้นการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนให้เป็นศูนย์ ตามเป้าหมายข้อตกลงปารีสในการจำกัดภาวะโลกร้อนให้อยู่ที่ 1.5°C. 3 บริษัทกำลังดำเนินการเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHGs) จากการดำเนินงานและการใช้ยานพาหนะลง 98% ภายในปี 2026* และจากห่วงโซ่การผลิตทั้งหมดลงครึ่งหนึ่งภายในปี 2030 ตลอดจนถึงลดการปล่อยก๊าซสัมบูรณ์ 90% ให้กลายเป็นศูนย์โดยอิงตามหลักวิทยาศาสตร์อย่างช้าที่สุด2 ภายในปี 2045 ผ่านโครงการ AZ Forest บริษัทตั้งเป้าที่จะกำจัดการปล่อยสารตกค้างออกจากชั้นบรรยากาศตั้งแต่ปี 2030 เป็นต้นไป

ปาสคาล โซริออท ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของแอสตร้าเซนเนก้า กล่าวว่า "วิกฤตการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพที่เกิดขึ้นพร้อมกันกำลังทำลายโลกและเป็นอันตรายต่อสุขภาพของมนุษย์ เรากำลังทำงานร่วมกับชุมชนท้องถิ่นและผู้เชี่ยวชาญด้านนิเวศวิทยาผ่าน AZ Forest เพื่อดำเนินการฟื้นฟูสภาพป่า ตลอดจนสนับสนุนความหลากหลายทางชีวภาพและรักษาความเป็นอยู่ของสิ่งมีชีวิตโดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในการดำเนินงาน โครงการ AZ Forest จะสามารถกำจัดคาร์บอนไดออกไซด์ได้ประมาณ 30 ล้านตันจากชั้นบรรยากาศภายในระยะเวลาประมาณ 30 ปี”

โครงการ AZ Forest ได้รับการวางแผนร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกต้นไม้ ชุมชนท้องถิ่น และรัฐบาล เพื่อการฟื้นฟูป่าธรรมชาติและวนเกษตรโดยมีผลประโยชน์ร่วมกัน ได้แก่ การสร้างทักษะและแรงงานใหม่ การปกป้องและฟื้นฟูสายพันธุ์ที่ถูกคุกคามและใกล้สูญพันธุ์ ทำให้สุขภาพของประชาชนดีขึ้น4 การดำเนินงานของโครงการจะได้รับการตรวจสอบและประเมินโดยพันธมิตรชั้นนำและผู้เชี่ยวชาญอิสระ รวมถึง European Forest Institute (EFI)

มาร์ค พาลาไฮ ประธาน Circular Bioeconomy Alliance (CBA) กล่าวว่า "ป่าไม้มีบทบาทสำคัญในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ เป็นศูนย์กลางหลักที่รวบรวมความหลากหลายทางชีวภาพ และขับเคลื่อนเศรษฐกิจชีวภาพให้เติบโตไปอย่างกลมกลืนกับธรรมชาติ ป่าไม้และต้นไม้เป็นแกนหลักสำหรับสิ่งมีชีวิตบนโลกของเราและเป็นพื้นฐานสำหรับสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของมนุษย์ ด้วยการวางแผนและการดำเนินงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชนผ่านโครงการ AZ Forest ซึ่งดำเนินการโดยยึดหลักการและแนวทางวิทยาศาสตร์ เราจะสามารถลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและสร้างคุณค่าทางเศรษฐกิจและสังคมให้กับชุมชนท้องถิ่นได้”

แอสตร้าเซนเนก้า ได้ร่วมมือกับ EFI และ CBA เผยแพร่กรอบและแผนโครงการที่ยึดหลักวิทยาศาสตร์สำหรับการฟื้นฟูภูมิทัศน์ที่ยั่งยืน และเหมาะสมในท้องถิ่นเป็นครั้งแรก หลักการ CBA สำหรับภูมิทัศน์เชิงปฏิรูป จะช่วยให้เกิดห่วงโซ่คุณค่าของเศรษฐกิจชีวภาพหมุนเวียนและขับเคลื่อนให้เกิดการฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพ

AZ Forest มีส่วนร่วมในโครงการ 1t.org ของ World Economic Forum ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนเพื่ออนุรักษ์ ฟื้นฟู และปลูกต้นไม้หนึ่งล้านล้านต้น ภายในปี 2030

หมายเหตุ

AZ Forest

AZ Forest เป็นความมุ่งมั่นของแอสตร้าเซนเนก้า ในการปลูกและดูแลรักษาต้นไม้ 200 ล้านต้น ภายในปี 2030 โดยร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญและชุมชนท้องถิ่น โครงการ AZ Forest ส่งเสริมให้ประชาชนและโลกมีสุขภาพที่ดี โดยได้รับประโยชน์ร่วมกันทั้งทางเศรษฐกิจและสังคม และยังเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ในการลดการปล่อยก๊าซให้กลายเป็นศูนย์บนพื้นฐานวิทยาศาสตร์ของแอสตร้าเซนเนก้า หรือ Ambition Zero Carbon

นอกจากโครงการที่กำลังดำเนินอยู่ในออสเตรเลีย อินโดนีเซีย กานา สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา และฝรั่งเศส มีการขยายโครงการ AZ Forest ครอบคลุมไปยังทวีปแอฟริกา เอเชีย และอเมริกาใต้ ได้แก่

  • บราซิล ความร่วมมือ AZ Forest ระยะเวลา 30 ปีครั้งใหม่กับ Biofílica Ambipar และ Instituto de Pesquisas Ecológicas (IPE) หรือ “Corridors for Life” จะดำเนินงานด้วยการปลูกต้นไม้ 12 ล้านต้นภายในผืนป่าแอตแลนติก โดยมีพืชพื้นเมืองมากกว่า 100 สายพันธุ์ที่วางแผนไว้เพื่อการปลูกในแต่ละพื้นที่ของโครงการ การสร้างแนวเชื่อมต่อระหว่างผืนป่าที่แยกส่วนทางตะวันตกของรัฐเซาเปาโล โครงการนี้จะช่วยสร้างที่อยู่อาศัยที่สำคัญสำหรับสัตว์ที่อ่อนแอและใกล้สูญพันธุ์
  • อินเดีย  ความร่วมมือ AZ Forest ระยะเวลา 30 ปีครั้งใหม่กับ Earthbanc และพันธมิตรการดำเนินงานในท้องถิ่นในรัฐเมฆาลัยทางตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดียจะร่วมกันปลูกต้นไม้ประมาณ 64 ล้านต้น โดยเน้นพันธุ์ไม้ที่หลากหลาย โครงการนี้คาดว่าจะเป็น “Living Labs for Nature, People and Planet” ที่ใหญ่ที่สุดของ CBA เนื่องจากจะช่วยฟื้นฟูธรรมชาติในพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพซึ่งกำลังเสื่อมโทรมและยังช่วยสนับสนุนการดำรงชีวิตของเกษตรกร
  • กานา  การขยายโครงการ AZ Forest ที่มีอยู่ในกานาด้วย CBA, New Generation Plantation Technical Assistance (NGPTA) และพันธมิตรรายอื่น ๆ จะนำไปสู่การปลูกต้นไม้เพิ่มอีก 2.2 ล้านต้น ทำให้จำนวนต้นไม้ที่รอดชีวิตตามเป้าหมายรวมเป็น 4.7 ล้านต้น และสามารถฟื้นฟูพื้นที่เสื่อมโทรม 8,000 เฮกตาร์ในเขต Atebubu-Amantin และ Sene West ทางตอนกลางของกานา โครงการที่นำโดยชุมชนแห่งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของเครือข่าย “Living Labs” ในการพยายามส่งเสริมการฟื้นฟูป่า วนเกษตร ส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพ และสนับสนุนโมเดลธุรกิจที่อิงธรรมชาติสำหรับเกษตรกรรายย่อย
  • รวันดา แอสตร้าเซนเนก้าได้ให้เงินทุนสำหรับโครงการนำร่องวนเกษตรกับเกษตรกรรายย่อย เพื่อช่วยเร่งการพัฒนาโครงการใหม่ในระยะเวลา 30 ปี โดยร่วมมือกับ Albertine Rift Conservation Society (ARCOS) และ Reforest’Action ภายใต้โครงการดังกล่าว จะมีการปลูกต้นไม้มากกว่า 5.8 ล้านต้น โดยเน้นที่วนเกษตรและการจัดการที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อชุมชนท้องถิ่นและปรับปรุงชีวิตความเป็นอยู่ ด้วยเป้าหมายที่จะเป็นอีกหนึ่ง “Living Lab” โครงการ “MuLaKiLa” จะช่วยสังคมและแรงงานเกษตรมากกว่า 30,000 ครัวเรือนในโครงการฟื้นฟูป่าที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในรวันดา
  • เวียดนาม: แอสตร้าเซนเนก้า ตั้งเป้าที่จะปลูกต้นไม้ 22.5 ล้านต้นในพื้นที่อย่างน้อย 30,500 เฮกตาร์เพื่อฟื้นฟูป่าและภูมิทัศน์ของเวียดนาม การลงทุนครั้งใหม่นี้จะช่วยให้เกิดความหลากหลายทางชีวภาพ พัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ที่ยั่งยืนให้กับเกษตรกรรายย่อยกว่า 17,000 ราย ปรับปรุงคุณภาพในการผลิตอาหารและโภชนาการ ตลอดจนอนุรักษ์ดินและน้ำ
  • โครงการอื่นๆ กำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนา

โครงการ AZ Forest สนับสนุนและส่งเสริมให้เกิดสุขภาพที่ดีของประชาชนและโลก ด้วยผลประโยชน์ร่วมทางเศรษฐกิจและสังคมที่สำคัญ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ในการลดการปล่อยก๊าซให้กลายเป็นศูนย์บนพื้นฐานวิทยาศาสตร์ของแอสตร้าเซนเนก้า หรือ Ambition Zero Carbon อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะมีสถานการณ์โรคระบาดเกิดขึ้นทั่วโลก แต่ภายในสิ้นปี 2022 ได้มีการปลูกต้นไม้ไปแล้วกว่า 10.5 ล้านต้น ในประเทศ ดังต่อไปนี้

  • ออสเตรเลีย ด้วยความร่วมมือกับ Greening Australia และ One Tree Planted มีการปลูกต้นไม้มากกว่าสี่ล้านต้น (โครงการทั้งหมด 25 ล้านต้น) รวมถึงพันธุ์ไม้พื้นเมือง 260 สายพันธุ์ ซึ่งสนับสนุนพันธุ์สัตว์ป่าที่อ่อนแอและใกล้สูญพันธุ์
  • อินโดนีเซีย ด้วยความร่วมมือกับ One Tree Planted และ Trees4Trees มีการปลูกต้นไม้มากกว่าสามล้านต้น โดยมีเกษตรกรกว่า 13,000 รายเข้าร่วมในกิจกรรมวนเกษตรในปี 2022
  • กานา ปลูกต้นไม้กว่าหนึ่งล้านต้น เริ่มมาจากความมุ่งมั่นเริ่มต้นในการปลูกต้นไม้ที่ยังมีชีวิตรอด 3 ล้านต้นเพื่อขับเคลื่อนระบบนิเวศและความยั่งยืนของชุมชนผ่านโครงการ "Living Lab" ดำเนินการโดยชุมชนร่วมกับ CBA
  • ฝรั่งเศส แอสตร้าเซนเนก้าได้ปลูกต้นโอ๊กหายากจำนวน 450 ต้นที่สูญเสียไปจากเหตุการณ์พายุทำลายล้างในปี 1990 และ 1999 ที่พระราชวังแวร์ซาย ต้นโอ๊กเป็นที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติของผีเสื้อ นก เห็ดรา และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม สิ่งเหล่านี้จะช่วยส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพ และช่วยให้สิ่งมีชีวิตเหล่านี้กลับคืนสู่สวนอันเป็นสัญลักษณ์แห่งแวร์ซาย
  • สหราชอาณาจักร การปลูกต้นไม้มากกว่า 470,000 ต้น ในสกอตแลนด์และอังกฤษ โดยร่วมกับ Forestry England และ Borders Forest Trust Scotland เพื่อสร้างพื้นที่ป่าไม้คุณภาพสูงและเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้ชุมชน
  • สหรัฐอเมริกา การปลูกต้นไม้มากกว่า 100,000 ต้น ฟื้นฟูพื้นที่ป่าริมแม่น้ำกว่า 100 กิโลเมตรโดยความร่วมมือกับมูลนิธิปลาและสัตว์ป่าแห่งชาติ

แอสตร้าเซนเนก้า

แอสตร้าเซนเนก้า (LSE/STO/Nasdaq: AZN) เป็นบริษัทชีวเวชภัณฑ์ระดับโลก มุ่งเน้นทางด้านการคิดค้น พัฒนา และจำหน่ายยาเพื่อการรักษาโรค โดยเฉพาะในกลุ่มยาโรคมะเร็ง กลุ่มยาโรคหัวใจ ไต และระบบเผาผลาญ และกลุ่มยาโรคทางเดินหายใจ แอสตร้าเซนเนก้า มีฐานอยู่ที่เมืองเคมบริดจ์ สหราชอาณาจักร และดำเนินธุรกิจในกว่า 100 ประเทศ และมีผู้ป่วยหลายล้านคนทั่วโลกที่ได้รับประโยชน์จากนวัตกรรมยาต่างๆ จากแอสตร้าเซนเนก้า สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาไปยังเว็บไซต์ astrazeneca.com และช่องทางทวิตเตอร์ @AstraZeneca

อ้างอิง

  1. AstraZeneca plc. Ambition Zero Carbon. 2020. ติดตามที่: https://www.astrazeneca.com/media-centre/articles/2020/ambition-zero-carbon-22012020.html# [เข้าถึงล่าสุด: มิถุนายน 2023]
  2. AstraZeneca plc. Sustainability Report 2022. 2023. ติดตามที่: https://www.astrazeneca.com/content/dam/az/Sustainability/2023/pdf/Sustainability_Report_2022.pdf [เข้าถึงล่าสุด: มิถุนายน 2023]
  3. United Nations Treaty Collection. Paris Agreement. 2015. ติดตามที่ที่: https://unfccc.int/sites/default/files/english_paris_agreement.pdf [เข้าถึงล่าสุด: มิถุนายน 2023]
  4. AstraZeneca plc. AZ Forest. 2022. ติดตามที่ที่: https://www.astrazeneca.com/sustainability/environmental-protection/az-forest.html [เข้าถึงล่าสุด: มิถุนายน 2023]

* จากข้อมูลพื้นฐานในปี 2015

 จากข้อมูลพื้นฐานในปี 2019

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นข้อมูลที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: www.businesswire.com/news/home/53428688/en

ติดต่อ

สำหรับรายละเอียดวิธีการติดต่อทีมนักลงทุนสัมพันธ์ โปรดคลิกที่นี่ สำหรับการติดต่อสื่อ คลิกที่นี่

แหล่งที่มา: AstraZeneca