Milken Institute แจ้งว่ามาเลเซียเป็นประเทศชั้นนำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่กำลังเกิดใหม่สำหรับการลงทุนจากต่างประเทศ

Logo

ดัชนีโอกาสการลงทุนจากต่างประเทศ หรือ Global Opportunity Index ของ Milken Institute ประเมินว่า 126 ประเทศใน 7 ภูมิภาคทางภูมิศาสตร์ โดยเน้นที่ประเทศเกิดใหม่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อวัดความน่าดึงดูดใจที่อาจเกิดขึ้นกับนักลงทุนต่างชาติ ทั้งนี้สวีเดนจัดอยู่ในอันดับที่ 1 โดยรวมในประเทศที่น่าลงทุน สหรัฐฯ หลุดจาก 5 อันดับแรก

ลอสแอนเจลิส–(BUSINESS WIRE)–26 มกราคม 2565

มาเลเซียจัดอยู่ในอันดับที่ 1 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เป็นประเทศเกิดใหม่ที่มีศักยภาพสูงสุดในการดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ ตามดัชนีโอกาสการลงทุนจากต่างประเทศปี 2565 ของ Milken Institute (2022 Milken Institute Global Opportunity Index) การประเมินประจำปีนี้สร้างขึ้นเพื่อช่วยแจ้งให้นักลงทุนและผู้กำหนดนโยบายทราบในการตัดสินใจการลงทุนทั่วโลก ประเมินภูมิทัศน์การลงทุนของเศรษฐกิจโดยใช้ตัวแปรต่าง ๆ อย่างเช่น แนวโน้มเศรษฐกิจมหภาค การเข้าถึงบริการทางการเงิน ศักยภาพสำหรับนวัตกรรมและการพัฒนาในอนาคต และอื่น ๆ

ดัชนีโอกาสการลงทุนจากต่างประเทศปี 2565 ประกอบด้วยผลรายงานที่เน้นที่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เกิดขึ้นใหม่ ซึ่งเป็นภูมิภาคที่การไหลเข้าของเงินทุนอาจนำไปสู่นวัตกรรมที่เพิ่มขึ้น การสร้างงาน และความสามารถในการแข่งขัน

ประเทศเกิดใหม่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีคะแนนที่ดีเมื่อเทียบกับเศรษฐกิจเกิดใหม่และที่กำลังพัฒนาอื่น ๆ ใน 3 ด้านหลักได้แก่: 1) มีผลการดำเนินงานทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง 2) มีบุคลากรที่มีคุณสมบัติสูง และ 3) มีการบูรณาการอย่างแน่นแฟ้นกับเศรษฐกิจโลก

มาเลเซียซึ่งเป็นที่ตั้งของตลาดตราสารหนี้ที่ใหญ่เป็นอันดับสามในเอเชีย (รองจากญี่ปุ่นและสาธารณรัฐเกาหลี) ได้ดำเนินการตามขั้นตอนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเพื่อผ่อนคลายข้อจำกัดและออกนโยบายเพื่อใช้ประโยชน์จากการพัฒนาการค้า ซึ่งช่วยให้ประเทศสามารถครองตำแหน่งอันดับหนึ่งในดัชนีปีนี้

“ในผลรายงานประจำปีนี้ เราระบุนโยบายหลายประการที่จะช่วยให้ประเทศเกิดใหม่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังคงแข่งขันได้ในแง่ของโอกาสในการลงทุน” Claude Lopez, PhD หัวหน้าแผนกวิจัยที่ Milken Institute กล่าว “รัฐบาลในภูมิภาคต้องเสริมสร้างกรอบโครงสร้างสถาบัน บูรณาการในระดับภูมิภาคอย่างลึกซึ้งเพื่อใช้ประโยชน์จากทรัพยากรและโอกาสที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละประเทศ และเพิ่มผลกระทบทางสังคมสูงสุดโดยใช้ประโยชน์จากกระแสเงินทุนทั่วโลกเพื่อพัฒนาที่ก้าวไกล”

ผลการรายงานที่สำคัญจากดัชนีโอกาสการลงทุนจากต่างประเทศปี 2565 ได้แก่:

  • สวีเดนยังคงครองอันดับที่ 1 จากปี 2564 ในฐานะประเทศที่มีศักยภาพในการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศมากที่สุด ตามมาด้วยสหราชอาณาจักรที่อยู่อันดับ 2 และเดนมาร์กในอันดับที่ 3 สหรัฐฯ ตกลงจากอันดับสามในปี 2564 มาอยู่ที่อันดับเก้าในปีนี้ โดยส่วนใหญ่ได้รับแรงหนุนจากปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอและสภาวะทางการเงิน
  • มาเลเซีย ไทย และอินโดนีเซียครองตำแหน่งสูงสุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เกิดใหม่ มาเลเซียได้รับการจัดอันดับสูงสุดในภูมิภาคเนื่องจากผลงานที่แข็งแกร่งในทุกหมวดหมู่ที่นำมาวัด เวียดนามและฟิลิปปินส์เข้าในห้าประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตามลำดับ
  • ในปีนี้ ดัชนีโอกาสการลงทุนจากต่างประเทศได้เพิ่มตัวแปรด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) 7 ประการ ซึ่งรวมถึงการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) และสัดส่วนของผู้หญิงในตำแหน่งรัฐบาล ตัวแปรเหล่านี้ได้รวมไว้เพื่อสะท้อนถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นของนักลงทุนในการรวมข้อมูล ESG เข้ากับการตัดสินใจทางธุรกิจ

ดัชนีโอกาสการลงทุนจากต่างประเทศประเมินอย่างไร:

เพื่อสร้างดัชนี Milken Institute ประเมินโอกาสในการลงทุนผ่านตัวแปร 100 ตัวที่จัดเป็น 5 หมวดหมู่และ 14 หมวดหมู่ย่อย หมวดหมู่หลักห้าประเภท ได้แก่ การรับรู้ทางธุรกิจ การบริการทางการเงิน มาตรฐานและนโยบายระหว่างประเทศ ความรู้พื้นฐานด้านเศรษฐกิจ และกรอบโครงสร้างสถาบัน ตัวแปรภายในหมวดหมู่เหล่านี้วัดจากทุกมุมของศักยภาพในการลงทุนของประเทศ ซึ่งรวมถึงการเปิดกว้างและประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจ ข้อจำกัดทางธุรกิจ และความสามารถและความหลากหลายของแรงงาน แหล่งข้อมูลรวมถึงธนาคารโลก กองทุนการเงินระหว่างประเทศ องค์การสหประชาชาติ ธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ และการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านสุขภาพโลก

หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม สามารถดาวน์โหลดผลรายงานฉบับเต็มได้ที่นี่

ผลรายงานดัชนีโอกาสการลงทุนจากต่างประเทศปี 2565 ของ Milken Institute  โดยรวม
1. สวีเดน
2. สหราชอาณาจักร
3. เดนมาร์ก
4. ฟินแลนด์
5. เนเธอร์แลนด์

เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เกิดใหม่
1. มาเลเซีย
2. ไทย
3. อินโดนีเซีย
4. เวียดนาม
5. ฟิลิปปินส์

เกี่ยวกับ Milken Institute

The Milken Institute is a nonprofit, nonpartisan think tank that helps people build meaningful lives in which they can experience health and well-being, pursue effective education and gainful employment, and access the resources required to create ever-expanding opportunities for themselves and their broader communities. For more information, visit https://milkeninstitute.org/.

Milken Institute เป็นองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไรและไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดที่ช่วยให้ผู้คนสร้างชีวิตที่มีความหมายซึ่งพวกเขาสามารถสัมผัสสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี ติดตามการศึกษาที่มีประสิทธิภาพและการจ้างงานที่เหมาะกับความสามารถ และเข้าถึงทรัพยากรที่จำเป็นในการสร้างโอกาสที่เพิ่มมากขึ้นสำหรับตนเองและชุมชนในวงกว้าง สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ https://milkeninstitute.org/

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220126005247/en/

ติดต่อสื่อ: Chad Clinton, cclinton@milkeninstitute.org, + 1 202-262-1067

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย